SABUY ขยายสู่ภูมิภาค ตั้งบริษัท drop-off กับยักษ์ใหญ่มาเลเซีย รุกอีคอมเมิร์ซข้ามประเทศ มีสาขากว่า 2,000 แห่ง ดูแลพอร์ตใหญ่ ลาซาด้า ชอปปี้ ซาโลร่า ทุ่ม 255 บ้านบาท เข้าถือหุ้น RS ต่อยอดธุรกิจ InnoTainment
บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ก้าวขึ้นเป็น Regional Company รุกอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ ร่วมทุนยักษ์ใหญ่ธุรกิจ Dropoff ของประเทศมาเลเซีย พร้อมต่อยอดธุรกิจ InnoTainment จับมือเป็นพันธมิตรกับสื่อดังระดับตำนานอย่าง RS เข้าถือหุ้น 15 ล้านหุ้น ดีลจบเดือนนี้
นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เผยว่า “คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้ บริษัท สบาย สปีด จำกัด (SABUY SPEED) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่ 82% และบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 18% เข้าลงทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ในประเทศมาเลเซีย และจะมีการกำหนดชื่อในภายหลัง ด้วยทุนจดทะเบียน 100,000 ริงกิตมาเลเซีย ชำระค่าหุ้นเต็มจำนวน
โดย SABUY SPEED จะเข้าลงทุนและถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ในสัดส่วน 50% ของจำนวนทุนจดทะเบียนของบริษัทร่วมทุน และบริษัท คอลเล็คโค เซอร์วิส เบอร์ฮัด (CollectCo Services Sdn. Bhd.) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการจุดรับและส่งพัสดุ ซึ่งมีเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย โดยปัจจุบันมีจุดให้บริการกว่า 2,000 สาขา ครอบคลุมทุกเมืองหลักในประเทศมาเลเซีย และเป็นผู้ให้บริการจุดรับและขนส่งในตลาดออนไลน์ (Online Market Place) หลักในมาเลเซีย อาทิ ลาซาด้า (Lazada) ช้อปปี้ (Shopee) และซาโลร่า (Zalora) ซึ่งจะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 50% ของจำนวนทุนจดทะเบียนของบริษัทร่วมทุน
การร่วมทุนใหม่ในประเทศมาเลเซียนี้ จะเป็นการขยายขอบเขตการให้บริการของธุรกิจสะดวกส่งของกลุ่มบริษัทฯ ภายใต้ SABUY SPEED ที่ปัจจุบันมีสาขารวมกว่า 14,000 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ตามวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาค (Regional Player) ของกลุ่มบริษัทฯ
SABUY SPEED จะเข้าทำสัญญาร่วมทุนกับ CollectCo ภายในเดือนกันยายน 2565 และคาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนตุลาคม 2565 หรือตามที่พันธมิตรเห็นชอบร่วมกัน ในการเข้าทำรายการดังกล่าวเพื่อขยายเครือข่ายสาขาของกลุ่มธุรกิจสะดวกส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดเริ่มต้นในการขยายธุรกิจสะดวกส่งสู่ในภูมิภาค นอกเหนือจากการเป็นผู้ให้บริการภายในประเทศ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ในการเป็น Regional Player และพัฒนาการให้บริการกลุ่มธุรกิจสะดวกส่งของบริษัทฯ โดยการนำความรู้ในการจัดการและเทคโนโลยีของ CollectCo มาประยุกต์ใช้ เช่น การดำเนินธุรกิจในประเทศมาเลเซีย ระบบบริหารจัดการร้านค้าระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management) และ e-commerce เป็นต้น
อีกทั้ง คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้ SABUY เข้าลงทุนในหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 15,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 1.54 ในบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) (“RS”) ทั้งนี้ RS ประกอบธุรกิจพาณิชย์ ที่ผลิตคอนเทนต์ และความบันเทิง พร้อมจำหน่ายสินค้า รวมถึงมีระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและระบบเทเลมาร์เก็ตติ้ง โดยมีการดำเนินงานแบ่งเป็น 3 ธุุรกิจหลักคือ ธุุรกิจคอมเมิร์ซ ธุุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ธุรกิจเพลง และอื่นๆ โดยบริษัทฯ จะชำระค่าตอบแทนจำนวนไม่เกิน 255,000,000 บาท ให้แก่ RS หรือ ผู้ถือหุ้นเดิมของ RS ผ่านการซื้อขายในกระดานหลักซื้อขายหลักทรัพย์ (“Main Board”) (“ธุรกรรม RS”) คาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนสิงหาคม 2565 นี้
SABUY มีผลประกอบการไตรมาส 2/2565 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 369 ล้านบาท หรือ 95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 356 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 309 ล้านบาท หรือ 657% โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 47% โดย SABUY รับรู้กำไรจากการลงทุนในบริษัทต่างๆ ในกลุ่มของ SABUY ซึ่งมีทั้งหมด 6 กลุ่มธุรกิจคือ 1. Payments and Wallet ธุรกิจบริการด้านการชำระเงินและระบบการเงินอิเลคทรอนิกส์ 2. Enterprise & Life ธุรกิจให้บริการสำหรับองค์กรและไลฟ์สไตล์ด้วยความเข้าใจผู้บริโภค 3. Connext ธุรกิจช่องทางการจัดจำหน่ายและเชื่อมต่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม 4. Financial Inclusion ธุรกิจให้บริการสินเชื่อและประกันภัย 5. InnoTainment ธุรกิจนวัตกรรมทางสื่อ ดิจิทัลมีเดีย และเครือข่าย 6. Venture ธุรกิจการลงทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืน
SABUY มุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคงเป้าหมายรายได้ปี 2565 ที่ 5,000 ล้านบาท (จากธุรกิจเดิมประมาณ 3,000 ล้านบาท เพิ่มเติมด้วยธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Connext ประมาณ 500 ล้านบาท Enterprise & Life ประมาณ 1,300 ล้านบาท) และมุ่งมั่นที่จะสร้างรายได้ถึง 20,000 ล้านบาท ในปี 2566 ประกอบด้วย ธุรกิจเดิม 5,000 ล้านบาท ธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Enterprise & Life ประมาณ 9,000 ล้านบาท กลุ่ม Connext ประมาณ 3,000 ล้านบาท กลุ่ม InnoTainment ประมาณ 1,000 ล้านบาท กลุ่ม Financial Inclusion ประมาณ 2,000 ล้านบาท “บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง จากธุรกิจโซลูชั่นส์และช่องทางการขายและบริการ (Solutions and Channels) ผ่าน Drop-off ต่างๆ และธุรกิจการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ (Retail) ผ่านทาง PTECH ในขณะที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโดยการคุมค่าใช้จ่ายได้ดีจากการควบรวมกลุ่ม Drop-off หลายแบรนด์เข้าด้วยกันเมื่อช่วงต้นปี เช่น The Letter Post, Point Express, PaysPost, ตลอดจนการนำบริษัทอื่นๆ เข้ารวมกลุ่มเช่น CitySoft, ForthSABUY, TeroSABUY, PFS, ฯลฯ”