นโยบายการกำกับดูแลกิจการ

นโยบายการกำกับดูแลกิจการ

 

 

นโยบายการกำกับดูแลกิจการ

บริษัทฯและบริษัทย่อยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดีว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ให้มีประสิทธิภาพและมีการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะนำไปสู่ประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตั้งแต่พนักงาน ผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ดังนั้นคณะกรรมการบริษัทจึงได้เห็นควรให้มีการจัดทำนโยบายเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีขึ้น โดยครอบคลุมเนื้อหาหลักการสำคัญตั้งแต่โครงสร้าง บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ จนถึงหลักการในการบริหารงานของผู้บริหารอย่างโปร่งใส ชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารองค์กรทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานใดๆ ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เป็นไปด้วยความเป็นธรรม และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

บริษัทฯ และบริษัทย่อยมุ่งหวังที่จะพัฒนาองค์กรให้เป็นแบบอย่างที่ดีในด้านบรรษัทภิบาล ธรรมาภิบาล และจรรยาบรรณ โดยวางวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ด้วยแนวคิดการยกระดับบรรษัทภิบาล ธรรมาภิบาล และจรรยาบรรณจะเป็นระบบบริหารจัดการที่ก่อให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใส ส่งผลให้สร้างผลตอบแทนและเพิ่มมูลค่าของบริษัทในระยะยาว เพื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย อีกทั้งมีการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรเพื่อให้เติบโตควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน

ทางคณะกรรมการบริษัท ได้กำหนดนโยบาย แนวปฏิบัติ การกำกับดูแลกิจการ และติดตามผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการคณะย่อยแต่ละชุดให้เป็นไปตามรากฐานนโยบายที่บริษัทฯ ได้วางไว้ อีกทั้งจะมีการพิจารณาทบทวนนโยบายและแนวปฏิบัติเพื่อให้มีความเป็นปัจจุบันและทันต่อสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในระดับประเทศและสากลเป็นประจำในทุกรอบปี โดยกำหนดให้เรื่องบรรษัทภิบาล ธรรมาภิบาล และจรรยาบรรณเป็นวาระสำคัญในการประชุมครั้งนั้นๆ

ภาพรวมของนโยบายและแนวปฏิบัติการกำกับดูแลกิจการ

บริษัทฯ และบริษัทย่อยตั้งใจและยึดถือในหลักปฏิบัติตามการกำกับกิจการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลกิจการภายในประเทศ โดยอ้างอิงมาจาก หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อย่างไรก็ดีทางคณะกรรมการเห็นว่าหลักเกณฑ์ตามโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน (CGR) ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และ DJSI Sustainability Assessment ทั้งสองหลักเกณฑ์นี้มีประโยชน์ต่อบริษัทฯ และบริษัทย่อยในการเพิ่มความน่าเชื่อถือแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายจึงเริ่มนำมาปรับใช้ในปีที่ผ่านมา โดยสำหรับแนวปฎิบัติข้อใดที่ยังไม่มีการนำไปใช้หรือมีอุปสรรค ฝ่ายบริหารการจัดการจะคอยรายงานคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาและทบทวนเกี่ยวกับเรื่องดั่งกล่าวเป็นประจำทุกปี

ทั้งนี้สำหรับบริษัทย่อยในเครือ ทางคณะกรรมการเห็นควรว่าถึงแม้จะยังไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน ก็สมควรที่จะนำ นโยบาย แนวปฏิบัติ และ การกำกับกิจการตามที่บริษัทฯ ได้กำหนดไว้มาปฏิบัติในองค์กร เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีมาตรฐาน โดยจะมุ่งเน้นไปในการทำธุรกิจควบคู่กับการสร้างรากฐานวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นปึกแผ่นเดียวกัน และสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ทางคณะกรรมการจะเข้ามาพิจารณาและปรับปรุงในส่วนของนโยบายของบริษัทย่อยทุกปีเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสามารถนำไปใช้ได้จริงโดยขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ อีกทั้งบริษัทฯ มีมติให้มีการประชุมสำหรับคณะกรรมการของบริษัทฯ กับบริษัทย่อย เพื่อหารือเรื่องนโยบาย แนวปฏิบัติ และการกำกับกิจการที่ดี และนำความเห็น มุมมองของคณะกรรมการแต่ละท่านนำมาพิจารณาในการปรับปรุงอยู่เสมอเป็นประจำ จึงทำให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยสามารถเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพื่อให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีความน่าเชื่อถือสำหรับผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และเพื่อประโยชน์ในการสร้างคุณค่าให้กิจการอย่างยั่งยืน ตรงตามความมุ่งหวังของทั้งภาคธุรกิจ ผู้ลงทุน ตลอดจนตลาดทุนและสังคมโดยรวม บริษัทฯ จึงได้จัดทำนโยบายเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีโดยยึดหลักปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2560 ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเป็นแนวทางในการกำกับดูแลกิจการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยโดยนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัทฯ ประกอบด้วยหลักปฏิบัติ 8 หมวด ซึ่งสามารถสรุปโดยสังเขปได้ดังนี้

หลักปฏิบัติที่ 1 : บทบาทและความรับผิดชอบของคณะกรรมการ

1. คณะกรรมการจะทำความเข้าใจบทบาทและตระหนักถึงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำที่ต้องกำกับดูแลให้องค์กรมีการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งครอบคลุมถึง การกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมาย การกำหนดกลยุทธ์ นโยบายการดำเนินงาน ตลอดจนการจัดสรรทรัพยากรสำคัญเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย และการติดตาม ประเมินผล และดูแลการรายงานผลการดำเนินงาน

2. คณะกรรมการจะกำกับดูแลบริษัทฯ ให้นำไปสู่ผลการกำกับดูแลกิจการที่ดี (governance outcome) ในการสร้างคุณค่าให้แก่กิจการอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ จะต้องสามารถแข่งขันได้ และมีผลประกอบการที่ดีโดยคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาว ประกอบธุรกิจอย่างมีจริยธรรม เคารพสิทธิและมีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสีย เป็นประโยชน์ต่อสังคม และพัฒนาหรือลดผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถปรับตัวได้ภายใต้ปัจจัยการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทจะประพฤติตนเป็นแบบอย่าง และจะจัดให้มีนโยบายสำหรับกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน รวมทั้งสื่อสารเพื่อให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนเข้าใจ มีกลไกเพียงพอที่เอื้อให้มีการปฏิบัติจริงตามนโยบายข้างต้น ติดตามผลการปฏิบัติ และทบทวนนโยบายและการปฏิบัติเป็นประจำ

3. คณะกรรมการจะดูแลให้กรรมการทุกคนและผู้บริหารปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบระมัดระวัง (duty of care) และซื่อสัตย์สุจริตต่อองค์กร (duty of loyalty) และดูแลให้การดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตลอดจนนโยบายหรือแนวทางที่ได้กำหนดไว้รวมทั้งมีกระบวนการอนุมัติการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การลงทุน การทำธุรกรรมที่มีผลกระทบต่อบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ การทำรายการกับบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน การได้มา/จำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน การจ่ายเงินปันผล เป็นต้น

4. คณะกรรมการจะทำความเข้าใจขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ และกำหนดขอบเขตการมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและฝ่ายจัดการอย่างชัดเจน ตลอดจนติดตามดูแลให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและฝ่ายจัดการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย

หลักปฏิบัติที่ 2 : วัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักของบริษัทฯ

1. คณะกรรมการจะกำหนดหรือดูแลให้วัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักของบริษัทฯ (objectives) เป็นไปเพื่อความยั่งยืน โดยเป็นวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่สอดคล้องกับการสร้างคุณค่าให้ทั้งบริษัทฯ ลูกค้า ผู้มีส่วนได้เสีย และสังคมโดยรวม

2. คณะกรรมการจะกำกับดูแลให้ วัตถุประสงค์และเป้าหมาย ตลอดจนกลยุทธ์ในระยะเวลาปานกลางและ/หรือประจำปีของบริษัทฯ สอดคล้องกับการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักของบริษัทฯ โดยมีการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสม และปลอดภัย

หลักปฏิบัติที่ 3 : เสริมสร้างคณะกรรมการที่มีประสิทธิผล

1. คณะกรรมการมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดและทบทวนโครงสร้างคณะกรรมการ ทั้งในเรื่องขนาดองค์ประกอบ สัดส่วนกรรมการที่เป็นอิสระที่เหมาะสมและจำเป็นต่อการนำพาองค์กรสู่วัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักที่กำหนดไว้

2. คณะกรรมการจะเลือกบุคคลที่เหมาะสมเป็นประธานกรรมการ และดูแลให้มั่นใจว่าองค์ประกอบและการดำเนินงานของคณะกรรมการเอื้อต่อการใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจอย่างมีอิสระ

3. คณะกรรมการมีหน้าที่กำกับดูแลให้การสรรหาและคัดเลือกกรรมการมีกระบวนการที่โปร่งใสและชัดเจนเพื่อให้ได้คณะกรรมการที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับองค์ประกอบที่กำหนดไว้ โดยคณะกรรมการจะจัดให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาบุคคลเพื่อให้ได้กรรมการที่มีคุณสมบัติที่จะทำให้คณะกรรมการมีองค์ประกอบความรู้ความชำนาญที่เหมาะสมรวมทั้งมีการพิจารณาประวัติของบุคคลดังกล่าว และจะทบทวนหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการ ก่อนที่จะมีการสรรหากรรมการที่ครบวาระ

4. ในการเสนอค่าตอบแทนคณะกรรมการให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติ คณะกรรมการจะพิจารณาให้โครงสร้างและอัตราค่าตอบแทนมีความเหมาะสมกับความรับผิดชอบและจูงใจให้คณะกรรมการนำพาองค์กรให้ดำเนินงานตามเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาว

5. คณะกรรมการมีหน้าที่กำกับดูแลให้กรรมการทุกคนมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่และจัดสรรเวลาอย่างเพียงพอ

6. คณะกรรมการมีหน้าที่กำกับดูแลให้มีกรอบและกลไกในการกำกับดูแลนโยบายและการดำเนินงานของบริษัทย่อยและกิจการอื่นที่บริษัทฯ ไปลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ ในระดับที่เหมาะสมกับกิจการแต่ละแห่ง รวมทั้งบริษัทย่อยและกิจการอื่นที่บริษัทฯ ไปลงทุนมีความเข้าใจถูกต้องตรงกันด้วย

7. คณะกรรมการจะจัดให้มีการประเมินผลการทำงานของกรรมการทั้งคณะ รวมทั้งประเมินผลการทำงานของกรรมการรายบุคคล เพื่อพิจารณาทบทวนผลงาน ปัญหาและอุปสรรคในแต่ละปี เพื่อสามารถนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ได้

8. คณะกรรมการจะกำกับดูแลให้คณะกรรมการและกรรมการแต่ละคนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ลักษณะการประกอบธุรกิจ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ ตลอดจนสนับสนุนให้กรรมการทุกคนได้รับการเสริมสร้างทักษะและความรู้สำหรับการปฏิบัติหน้าที่กรรมการอย่างสม่ำเสมอ

9. คณะกรรมการจะดูแลให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของคณะกรรมการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น และมีเลขานุการบริษัทฯ ที่มีความรู้และประสบการณ์ที่จำเป็นและเหมาะสมต่อการสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการ

หลักปฏิบัติที่ 4 : สรรหาและพัฒนาผู้บริหารระดับสูงและการบริหารบุคลากร

1. คณะกรรมการจะดำเนินการให้มั่นใจว่ามีการสรรหาและพัฒนาประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้บริหารระดับสูงให้มีความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ และคุณลักษณะที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย

2. คณะกรรมการจะกำกับดูแลให้มีการกำหนดโครงสร้างค่าตอบแทนและการประเมินผลที่เหมาะสม โดยจะกำหนดโครงสร้างค่าตอบแทนที่เป็นเครื่องจูงใจให้ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักขององค์กรและสอดคล้องกับผลประโยชน์ของบริษัทฯ ในระยะยาว

3. คณะกรรมการจะทำความเข้าใจโครงสร้างและความสัมพันธ์ของผู้ถือหุ้นที่อาจมีผลกระทบต่อการบริหารและการดำเนินงานของบริษัทฯ

4. คณะกรรมการจะติดตามดูแลการบริหารและพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ทักษะ ประสบการณ์และแรงจูงใจที่เหมาะสม โดยจะดูแลให้มีการบริหารทรัพยากรบุคคลที่สอดคล้องกับทิศทางและกลยุทธ์ขององค์กร พนักงานในทุกระดับมีความรู้ ความสามารถ แรงจูงใจที่เหมาะสม

กดกห

หลักปฏิบัติที่ 5 : การประกอบธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ

1. คณะกรรมการให้ความสำคัญและสนับสนุนการดำเนินการที่ก่อให้เกิดมูลค่าแก่ธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างคุณประโยชน์ต่อลูกค้าหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

2. คณะกรรมการจะติดตามดูแลให้ฝ่ายจัดการประกอบธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และสะท้อนอยู่ในแผนดำเนินการ (Operational Plan) เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ทุกฝ่ายขององค์กรได้ดำเนินการสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เป้าหมายหลัก และแผนกลยุทธ์ (Strategies) ของบริษัทฯ

3. คณะกรรมการจะติดตามดูแลให้ฝ่ายจัดการจัดสรรและจัดการทรัพยากรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ทรัพยากรที่บริษัทฯ พึงคำนึงถึงมีอย่างน้อย 4 ประเภท ได้แก่ การเงิน (Financial Capital) ภูมิปัญญา (Intellectual Capital) ด้านบุคลากร (Human Capital) สังคมและความสัมพันธ์ (Social and Relationship Capital) และธรรมชาติ (Natural Capital)

4. คณะกรรมการจะจัดให้มีกรอบการกำกับดูแลและการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศระดับองค์กร ที่สอดคล้องกับความต้องการของบริษัทฯ รวมทั้งดูแลให้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและพัฒนาการดำเนินงาน การบริหารความเสี่ยง เพื่อให้บริษัทฯ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักของบริษัทฯ

หลักปฏิบัติที่ 6 : ดูแลให้มีระบบการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในที่เหมาะสม

1. คณะกรรมการจะกำกับดูแลให้มั่นใจว่า บริษัทฯ มีระบบการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิผล และมีการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง

2. คณะกรรมการจะจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและอิสระตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

3. คณะกรรมการจะติดตามดูแลและจัดการความขัดแย้งของผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างบริษัทฯ กับฝ่ายจัดการ คณะกรรมการ หรือผู้ถือหุ้น รวมไปถึงการป้องกันการใช้ประโยชน์อันมิควรในทรัพย์สิน ข้อมูล โอกาสของบริษัทฯ และการทำธุรกรรมกับผู้ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับบริษัทฯ ในลักษณะที่ไม่สมควร

4. คณะกรรมการจะกำกับดูแลให้มีการจัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติด้านการต่อต้านคอร์รัปชั่นที่ชัดเจนและสื่อสารในทุกระดับขององค์กรและต่อคนนอกเพื่อให้เกิดการนำไปปฏิบัติได้จริง รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมและปลูกฝังให้พนักงานทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

5. คณะกรรมการจะกำกับดูแลให้บริษัทฯ มีกลไกในการรับเรื่องร้องเรียนและการดำเนินการกรณีมีการชี้เบาะแส

หลักปฏิบัติที่ 7 : รักษาความน่าเชื่อถือทางการเงินและการเปิดเผยข้อมูล

1. คณะกรรมการมีความรับผิดชอบในการดูแลให้ระบบการจัดทำรายงานทางการเงินและการเปิดเผยข้อมูลสำคัญต่างๆ ถูกต้อง เพียงพอ ทันเวลา เป็นไปตามกฎเกณฑ์ มาตรฐาน และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง

2. คณะกรรมการจะติดตามดูแลความเพียงพอของสภาพคล่องทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้

3. ในภาวะที่บริษัทฯ ประสบปัญหาทางการเงินหรือมีแนวโน้มจะประสบปัญหา คณะกรรมการจะพิจารณาให้มั่นใจได้ว่า บริษัทฯ มีแผนในการแก้ไขปัญหา หรือมีกลไกอื่นที่จะสามารถแก้ไขปัญหาทางการเงินได้ ทั้งนี้ ภายใต้การคำนึงถึงสิทธิของผู้มีส่วนได้เสีย

4. คณะกรรมการจะพิจารณาจัดทำรายงานความยั่งยืนตามความเหมาะสม โดยจะพิจารณาเปิดเผยข้อมูลการปฏิบัติตามกฎหมาย การปฏิบัติตามจรรยาบรรณ นโยบายการต่อต้านคอร์รัปชั่น การปฏิบัติต่อพนักงานและผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และการเคารพสิทธิมนุษยชน รวมทั้งความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงกรอบการรายงานที่ได้รับการยอมรับในประเทศหรือในระดับสากล

5. คณะกรรมการจะกำกับดูแลให้ฝ่ายจัดการจัดให้มีหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบงานนักลงทุนสัมพันธ์ที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารกับผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียอื่น เช่น นักลงทุน นักวิเคราะห์ ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม เท่าเทียมกัน และทันเวลา

6. คณะกรรมการจะส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการเผยแพร่ข้อมูล

หลักปฏิบัติที่ 8 : สนับสนุนการมีส่วนร่วมและการสื่อสารกับผู้ถือหุ้น

1. คณะกรรมการจะดูแลให้มั่นใจว่า ผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของบริษัทฯ

2. คณะกรรมการจะดูแลให้การดำเนินการในวันประชุมผู้ถือหุ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใสมีประสิทธิภาพ และเอื้อให้ผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิของตน

3. คณะกรรมการจะดูแลให้การเปิดเผยมติที่ประชุมและการจัดทำรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นเป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน

ทั้งนี้ บริษัทฯ คำนึงถึงการปฏิบัติและคุ้มครองสิทธิผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม (The Equitable Treatment for Shareholders) และตระหนักและให้ความสำคัญต่อสิทธิของผู้ถือหุ้น (Rights of Shareholders) เช่น สิทธิในการซื้อขายหรือโอนหุ้น การมีส่วนแบ่งในกำไรของกิจการ การได้รับข่าวสารข้อมูลของบริษัทฯ อย่างเพียงพอครบถ้วน การเข้าร่วมประชุมเพื่อใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นอย่างอิสระและเท่าเทียม มีการกำหนดหลักเกณฑ์การให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสามารถเสนอเพิ่มวาระการประชุมล่วงหน้าก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้น รวมทั้ง การมีส่วนร่วมตัดสินใจในเรื่องสำคัญและมีผลกระทบต่อบริษัทฯ เช่น การจัดสรรเงินปันผล การแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการ การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการ การแต่งตั้งหรือถอดถอนผู้สอบบัญชีและกำหนดค่าตอบแทนผู้สอบบัญชี เป็นต้น


การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญ ของนโยบาย แนวปฏิบัติ และระบบการกำกับดูแลกิจการในปี 2565

ในปี 2565 บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงนโยบาย แนวปฏิบัติ และระบบการกำกับดูแลกิจการที่สำคัญสรุปได้ดังนี้

ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บริษัทฯ และบริษัทย่อยจึงได้ให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างสุจริต โปร่งใส และเป็นไปอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้คณะกรรมการในแต่ละชุดสามารถทำหน้าที่ได้ในการกำกับดูแลกิจการของบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นทางบริษัทฯ มีการจัดประชุมให้กรรมการชุดย่อยทุกส่วนรวมทั้งคณะกรรมการในบริษัทย่อยเข้ามาออกความคิดเห็นและแนวทางการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ได้รับความคิดเห็นและมุมมองที่หลากหลายและแตกต่างออกไปตามคณะกรรมการที่ได้รับผิดชอบดูแลส่วนนั้นๆ จึงส่งผลให้ผลลัพธ์ในการทำงานของคณะกรรมการชุดย่อยสามารถส่งเสริมการทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการของฝ่ายบริหารได้ดียิ่งขึ้น

ด้วยแนวคิดเรื่องการให้ความสำคัญแก่ทรัพยากรบุคคลขององค์กรนั้นเป็นอีกหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่สามารถทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและเป็นไปตามเป้าหมายและกลยุทธ์ที่ได้วางแผนไว้ ในปี 2565 คณะกรรมการสรรหาค่าตอบแทน ได้หารือเกี่ยวกับการปรับปรุงนโยบายการจ่ายค่าตอบแทนทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน ให้มีความครอบคลุมทั่วถึงความต้องการของพนักงานมากที่สุด โดยยังอยู่ในขอบเขตและกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้

นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ได้คอยทบทวนและปรับเปลี่ยนกฎบัตรของคณะกรรมการทั้งภายในบริษัทเอง และบริษัทย่อยเช่นกัน โดยการปรับปรุงวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ให้มีความเป็นปัจจุบันและทันต่อสถานการณ์ต่างๆ รวมไปถึงในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม อีกทั้งปรับปรุงรายละเอียดต่างๆ ในกฎบัตรให้มีความชัดเจน ครอบคลุมถึงหัวข้อหรือประเด็นที่ได้ถูกกำหนดไว้โดยหน่วยงานต่างๆ จากที่กล่าวไว้ข้างต้นจึงมีการประชุมของคณะกรรมการบริษัทและได้มีมติการกำหนดวาระกรรมการอิสระที่มีการดำรงตำแหน่งต่อเนื่องมากกว่า 9 ปี โดยจะนับตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติ และทางคณะกรรมการจะเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาถึงความจำเป็นในการกลับมาดำรงตำแหน่งของกรรมการท่านนั้น โดยพิจารณาจากคุณสมบัติความเป็นอิสระของกรรมการดังกล่าว หากเห็นว่ามีความเหมาะสมและจำเป็น จึงดำรงตำแหน่งต่อไปได้เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท

บริษัทฯ และบริษัทย่อยได้มีการยกระดับและปรับปรุงนโยบาย แนวปฏิบัติ และระบบการกำกับดูแลกิจการ เพื่อให้มีระบบการกำกับดูแลกิจการอย่างยั่งยืนและให้สอดคล้องไปกับ CG Code ปี 2560 จำนวน 4 เรื่อง ดังนี้

1. ทบทวนนโยบายการกำหนดคุณสมบัติและการสรรหากรรมการบริษัทให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล

2. ทบทวนและปรับปรุงนโยบายการบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯ

3. กำหนดนโยบายด้านการบริหารความหลากหลายและการยอมรับในความแตกต่างของแต่ละบุคคล และปรับปรุงนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน

4. กำหนดนโยบายการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชนใกล้เคียง เพื่อให้เติบโตควบคู่กันไปได้อย่างมีความยั่งยืน