ตามที่ทางคณะกรรมการ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY มีมติอนุมัติให้เสนอต่อผู้ถือหุ้นของ SABUY เพื่ออนุมัติออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 2,510,000,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท แบ่งเป็นจำนวน 1,300,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในราคาหุ้นละ 2.30 บาท รวมมูลค่า 2,990,000,000 บาท และจำนวน 1,210,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด ให้แก่ Lightnet Group Pte. Ltd. และพันธมิตร ซึ่งภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง จะทำให้ Lightnet Group Pte. Ltd. เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ลำดับที่ 1 ในสัดส่วน 40.38% คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสสามปี 2567 หลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญครั้งที่ 1/2567 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน 2567 นี้ เพื่อพิจารณาวาระที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน การออกใบสำคัญแสดงสิทธิและการขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยการอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Whitewash) ให้แก่ Lightnet Group Pte. Ltd
นายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ChairmanofLightnet Group Pte. Ltd. ได้เปิดเผยแผนการเข้ามาลงทุนใน SABUY ว่า
“Lightnet เล็งเห็นศักยภาพของ SABUY ที่มี ecosystem ทั้งด้านช่องทาง ฐานลูกค้า อุปกรณ์ และเทคโนโลยี ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับธุรกิจหลักของกลุ่ม Lightnet ซึ่งเป็นผู้ให้บริการการโอนเงินระหว่างประเทศที่มีทั้งระบบการเงิน ระบบปฏิบัติการเทคโนโลยี Blockchain และใบอนุญาตในหลากหลายประเทศทั่วโลก”
“โดยล่าสุดทางกลุ่ม Lightnet ได้มีการหารือเพื่อร่วมกันจัดทำแผนธุรกิจในการพัฒนาช่องทางกว่าหนึ่งแสนจุดของ SABUY ทั้งร้านรับส่งพัสดุ ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ และตู้เติมเงินเพื่อรองรับธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ รวมถึงการเป็นจุดลงทะเบียนยืนยันตัวตนลูกค้า หรือ KYC ให้กับกลุ่มลูกค้าทั้งของ SABUY และ กลุ่ม Lightnet”
“นอกจากนี้ทางกลุ่ม Lightnet กับ SABUY ยังได้มีการศึกษาแนวทางการลดต้นทุนการให้บริการของ SABUY ด้วยการใช้ประโยชน์ของกลุ่ม Lightnet ที่มีขนาดธุรกรรมมากกว่า 10 ล้านรายการต่อเดือนซึ่งทำให้ได้อัตราค่าบริการเชื่อมต่อสถาบันการเงินในหลายธุรกรรม ในราคาที่ต่ำกว่า”
“ด้วยการเพิ่มจำนวนธุรกรรมให้กับ SABUY และการมีส่วนช่วยลดต้นทุนการเชื่อมต่อสถาบันการเงินต่างๆ จะไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้การให้บริการรับชำระเงินซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของ SABUY แต่ยังต่อยอดธุรกิจให้กับธุรกิจหลักอื่นๆ ของ SABUY เช่น ร้านรับส่งพัสดุ ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ อีกด้วย”
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ประธานกรรมการ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ยังเปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า
“การร่วมกันเดินหน้าความร่วมมือทางธุรกิจโดยเริ่มต้นจากธุรกิจด้านระบบการชำระเงิน ไม่เพียงเป็นการตอกย้ำความตั้งใจของกลุ่ม Lightnet ที่ต้องการเข้ามาลงทุนใน SABUY แต่แสดงถึงความมุ่งมั่นที่กลุ่ม Lightnet ต้องการสร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้กับ SABUY”
“กลุ่ม Lightnet เองยังได้แสดงความชัดเจนที่ต้องการให้ SABUY เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในธุรกิจที่ SABUY มีความพร้อม และมีความแข็งแกร่ง ทั้ง ตู้เติมเงิน ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ การให้บริการระบบจัดการศูนย์อาหาร เครือข่ายสาขาร้านรับส่งพัสดุ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยตรงถึงมือลูกค้า”
“การโฟกัสในธุรกิจหลักๆ จะส่งผลให้การจัดสรรทรัพยากรของ SABUY มีประสิทธิภาพ สามารถควบคุมค่าใช้จ่าย และสร้างการเติบโตของรายได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญกลุ่ม Lightnet เองยังได้ร่วมปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจของ SABUY ให้มีความกระชับ ลดความซับซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสอดรับกับความตั้งใจที่จะทำให้ธุรกิจของ SABUY กลับมาแข็งแรงและพร้อมสร้างรายได้อย่างมั่นคง“
“นอกเหนือจากความร่วมมือทางด้านระบบ และช่องทางการชำระเงิน กลุ่ม Lightnet ยังได้เริ่มทำงานร่วมกับ SABUY ในการกำหนดกลยุทธ์ในอีกหลายด้าน อาทิเช่น การร่วมพัฒนาต่อยอดระบบการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ ระบบ CRM เพื่อสามารถเพิ่มศักยภาพการใช้แต้มหรือคะแนนสะสมของลูกค้าทั้งของ SABUY และกลุ่ม Lightnet การให้การสนับสนุนต่อ บริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด (มหาชน) (“AS”) ที่ SABUY เข้าไปลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการขยายธุรกิจนอกเหนือจากเกมออนไลน์ การขยายธุรกิจ e-commerce โดยใช้ความแข็งแกร่งของช่องทาง Offline ของ SABUY เป็นต้น”
ปัจจุบัน SABUY และบริษัทในกลุ่ม เป็นผู้ให้บริการตู้เติมเงินจำนวนไม่ต่ำกว่า 47,000 เครื่องทั่วประเทศ เป็นเจ้าของและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติมากกว่า 10,000 ตู้ มีแฟรนไชส์ร้านรับส่งพัสดุมากกว่า 24,000 แห่งทั่วประเทศ เป็นผู้ผลิตบัตรพลาสติกประเภทต่างๆ เป็นผู้ให้บริการระบบปฏิบัติการให้กับศูนย์อาหาร ร้านอาหาร และร้านค้าปลีก และยังเป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ ความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย จะช่วยให้ธุรกิจเดิมที่มีอยู่ เติบโตได้อย่างมั่นคง และช่วยส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาด